วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

17 sep 2012

วันที่ 17
  วันนี้รู้สึกว่าจะเป็นวันที่เรียนได้สบายเเละชิวที่สุดเท่าที่เคยได้เรียนมา  
รู้สึกว่าจะเรียนจริงๆจังๆก็เเค่วิชาเเค่มี เเต่ถึงยังไงก็เถอะ 
งานมันก็ยังเยอะเเยะมากมายอยู่ดี เเง่่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ งานเยอะจริง
:(

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

16 sep 2012

วันที่ 16 
    วันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของวันหยุดสุดสัปดาห์
เเต่!!!! การบ้านยังไม่เสร็จเลย  โอ๊ยทำยังไงดี งานเยอะเเยะมากมาย 
ขนาดมีเวลาให้เครียงานตั้ง 2 วันยังทำไม่เสร็จเลย เเย่จริงๆ  วันนี้คงไม่มี
เวลามานั่งพักดูการ์ตูนเเน่เลย 555 ^^
                  
   ไปนั่งทำงานต่อดีกว่าเดี๋ยวไม่เสร็จ :)

15 sep 2012

เเอบมาบันทึกย้อนหลัง ^^
 วันนี้วันที่ 15 วันเสาร์ นั่งทำการบ้านตั้งเเต่เช้า ไม่ได้หยุดเเอบเบื่อเเต่็ต้องทำ
เซงมากเพราะเเทบไม่ได้พักเลย งานทับหัว 555 รู้สึกว่าเป็นวันหยุดที่ไม่ว่างเอาซะเลย
เหนื่อย เบื่อ เครียด เเละเซง :(


14 sep 2012

เเอบมาบันทึกย้อนหลัง^^
 วันที่ 14 เป็นวันศุกร์ เเละเป็นวันสุดสัปดาห์ วันนี้ก็เรียนชิวๆ เเต่รู้สึกว่า
งานจะเยอะมาก เเล้วที่สำคัญก็ใกล้สอบเเร้วด้วย งานเยอะเเยะมากมาย
ยิ่งใกล้สอบ ก็ยิ่งเครียด เเต่ก็จะพยายาม เเม้ว่ามันจะรู้สึกน่าเบื่อก็ตาม ^^

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

มนุษย์ยุคดิจิตอล กับมหันตภัยในวันธรรมดาๆ



     เราจะพาไปดูโรคภัย ที่คุณอาจกำลังพกพามันไปด้วยทุกหนแห่ง กับพาหะก่อโรคอย่าง MP3, IPOD, มือถือ และอีกหลายอุปกรณ์สุด HIGH ที่ใช้เพื่อความบันเทิง หรือแม้แต่อุปกรณ์ที่เชื่อมทุกมุมโลกไว้ด้วยกัน อย่าง คอมพิวเตอร์ นอกจากมีหน้าที่อำนวยความสะดวกสบายแล้ว อาจมีของแถมเป็นโรค (ร้าย) อย่างที่คุณคาดไม่ถึง..


          อุปกรณ์ที่คนยุคปัจจุบันมีติดตัว และใช้เป็นประจำในวันธรรมดา ๆ ของชีวิต ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแปลกตาไปจากยุคที่ผ่านมา แต่ยังมีผลจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าล้ำยุค เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ล้วนขับเคลื่อนด้วยคลื่นสัญญาณที่มองไม่เห็น แต่ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ หากใช้เกินความจำเป็น หรือใช้ในระยะเวลาที่ยาวนานเกินความจำเป็น



          นอกจากนี้การสำรวจยังพบว่า กลุ่มคนที่ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือ กลุ่มเด็กและวัยรุ่น โดยในกลุ่มอายุ 6-14 ปี มีอัตราการใช้คอมพิวเตอร์มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 61.6 ส่วนการใช้อินเทอร์เน็ตพบมากที่สุด กลุ่มอายุ 15-24 ปี คือร้อยละ 54.7 นับว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่หลาย ๆ คนควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง



          เรามาดูผลกระทบที่มาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายดีกว่า?



โทรศัพท์มือถือ



          อุปกรณ์สื่อสารที่ผลการวิจัยพบว่า มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ผู้ใช้มักมีพฤติกรรมการใช้แนบหูผู้ใช้กับเครื่องอยู่ตลอดช่วงเวลาของการใช้งาน ทำให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากการรับ-ส่งสัญญาณของระบบมือถือกระทบอวัยวะโดยตรง ทั้งบริเวณหู ตาและเข้าไปถึงสมอง



          ผลกระทบในระยะสั้น-อาจเกิดอาการปวดหู ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว ขาดสมาธิและเครียด เนื่องจากระบบพลังงานในร่างกายถูกรบกวน



          ผลกระทบในระยะยาว-อาจทำให้เกิดโรคความจำเสื่อม มะเร็งในสมอง มะเร็งเม็ดเลือดขาว นอกจากนี้ผลจากการศึกษา พบว่า เนื้องอกในสมองมีความสัมพันธ์กับการใช้โทรศัพท์มือถือ เพราะเนื้องอกในสมองมักจะเป็นข้างเดียวกับข้างที่ใช้ฟัง-พูดโทรศัพท์มือถือเป็นประจำ



เครื่องเล่น MP3, IPOD และหูฟังของโทรศัพท์มือถือ



          ดูเป็นอุปกรณ์ เพื่อความบันเทิงที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยข้อมูลสรุปสภาวะสังคม จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่า การเป็นโรคหูเสื่อม หรือหูดับ สาเหตุมาจากากรนิยมฟังเพลงโดยใช้หูฟังจากเครื่องเล่น MP 3 หรือ i-Pod รวมถึงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังมาก



คอมพิวเตอร์



          อุปกรณ์ที่รวมทุกการสื่อสารไว้แค่ปลายนิ้ว แต่ผลจากการใช้งานเป็นระยะเวลานานเกินกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน อาจส่งผลกระทบทางด้านสายตา จะทำให้ตาขาดน้ำหล่อเลี้ยงจนเกิดอาการระคายเคืองได้ มีอาการตาพร่า และมองไม่เห็นชั่วคราว ปวดคอ หลังและไหล่ บางรายอาจมีอาการท้องร่วงเพราะคีย์บอร์ด (Qwety Tummy) สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วง คือคีย์บอร์ดมักมีแบคทีเรียสะสมอยู่ หลายคนมักรับประทานอาหารหน้าจอคอมพิวเตอร์ ที่มีคีย์บอร์ดตั้งอยู่ แบคทีเรียเหล่านี้อาจปะปนมากับอาหารได้



          มนุษย์ออฟฟิศจนถึงผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรระมัดระวังอาการ Carpal Tunnel Syndrome ที่เกิดจากการใช้งานซ้ำ ๆ บริเวณข้อมือ ทำให้เอ็นรอบบริเวณข้อมือหนาตัวขึ้น แล้วไปกดทับเส้นประสาทที่วิ่งผ่าน ทำให้เกิดอาการชาและเจ็บได้

วิธีแก้หน้าไหม้จากแดด





เมื่อผิวปะทะแดดอย่างจัง หน้าดำ หมองคล้ำ ริ้วรอยหยาบกร้านก็ตามมาเป็นพรวน แต่ก่อนที่จะพึ่งคอร์สทรีตเมนต์ในสปา หรือเวียนเข้าออกศูนย์ความงามด้วยค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เราลองดูวิธีแก้หน้าไหม้แดดในเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ง่ายๆ แบบเร่งด่วนกันก่อน

วิธีแก้หน้าไหม้แดดนั้นไม่ยาก หากดูแลอย่างถูกวิธีและทำอย่างต่อเนื่อง เภสัชกรรักษ์ วงษ์สาคร ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิว และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท คิวรอน จำกัด แนะนำเคล็ดลับการฟื้นฟูผิวหน้า  

“ปัญหาที่ทุกคนเจอแม้จะระดมทาครีมกันแดด SPF 60 PA++ไปแล้ว แต่ก็ยังเอาไม่อยู่ แดดยิ่งแรงผิวก็ยิ่งคล้ำขึ้น แถมยังไม่พอยังรู้สึกแสบ! ร้อน! แดง! จนถึงขั้นผิวลอกเป็นแผ่นๆ! หากปล่อยไว้ไม่ดูแลอย่างเร่งด่วน จะทำให้เซลล์ผิวใหม่หลังการลอกกลายเป็นผิวหยาบกร้าน เป็นจุดหมองคล้ำ และมีริ้วรอยตามมา ให้ท่องไว้เสมอหลังโดนแดดอย่าช้าผิวสวยรอไม่ได้ ต้องทำการฟื้นฟูทันที ตามสเตปดังนี้

1. การปรับอุณหภูมิผิวหลังโดนแดดเผานั้นสำคัญ ให้ใช้ผ้าขนหนูที่แช่เย็นหรือชุบน้ำเย็นประคบตรงบริเวณที่โดนแดดเผา เน้นเป็นจุดๆ ทั่วใบหน้า โดยเฉพาะทีโซนจะเป็นพื้นที่ที่โดนแสงแดดทำร้ายมากที่สุด การทำเช่นนี้เพื่อให้อุณหภูมิของผิวหนังบริเวณผิวหน้ากลับมาเป็นปกติ ค่อยๆ ทำซ้ำ หลายๆ ครั้ง จนรู้สึกว่าผิวเย็นหายร้อน

2.เลี่ยงการถูด้วยสบู่ล้างหน้า ถ้าผิวบริเวณใบหน้าโดนแดดเผา ควรจะเลี่ยงการใช้สบู่หรือครีมล้างหน้าต่างๆ แล้วใช้เพียงน้ำสะอาดแทน หากเป็นไปได้เพื่อลดอาการระคายเคืองของผิวหน้า เลี่ยงการใช้มือสัมผัสเวลาทำความสะอาดหน้า ทาครีมบำรุง ควรใช้เครื่องนวดหน้าคุณภาพมาตรฐานหัวนวดสแตนเลส สตีลคุณภาพสูงแทนการใช้มือสัมผัสผิวโดยตรง เพื่อป้องกันการระคายเคืองกับผิวที่ตอนนี้บอบบางแพ้ง่ายเป็นพิเศษ

3. จนกว่ารอยไหม้จากแดดจะดีขึ้น ลดการใช้เครื่องสำอางต่างๆ ไว้ก่อน สาวๆ หลายคนพอโดนแดดมากๆ ก็มักรู้สึกอยากจะหันไปพี่งเครื่องสำอางจำพวกขาวใสทันที แต่ระหว่างที่ผิวยังอยู่ในสภาพการโดนเผา เครื่องสำอางเหล่านี้อาจจะยิ่งซ้ำเติมรอยแผลและการฟื้นฟูผิวได้ ฉะนั้นอดใจรอให้เวลาผิวได้ปรับตัวให้ดีขึ้นก่อนจะดีกว่า

4. เมื่อรอยไหม้จากแดดดีขึ้นแล้ว เร่งเติมน้ำให้กับผิว หลังจากโดนแดดเผา ปริมาณน้ำใต้ผิวจะลดลงอย่างมาก พอสภาพรอยไหม้เริ่มดีขึ้นระดับหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่ต้องเติมน้ำให้กับผิวอย่างเร่งด่วน ลงโทนเนอร์และมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวให้มากกว่าปกติเป็น 2 เท่า

แต่เพราะกลไกธรรมชาติแห่งผิวพรรณมักจะตีความสารอาหารบำรุงผิวเป็นสิ่งแปลกปลอม และขัดขวางไม่ไห้สารบำรุงที่ผิวต้องการเข้าสู่ผิว ดังนั้นเราจึงควรหาตัวช่วยที่สามารถผลักครีมบำรุงเข้าสู่ผิวอย่างล้ำลึกและทันทีทันใด ในวงการความงามนิยมใช้เครื่องนวดหน้าผลักครีมเข้าสู่ผิว พร้อมนวดกระตุ้นเซลล์ผิวให้เกิดการยืดหยุ่น ดีทอกซ์ผิวหน้าให้สดชื่น คอยเติมน้ำให้ผิวอย่างเพียงพอ เพื่อเป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้คอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวได้โดยตรง

5. ขณะที่ผิวกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ให้บำรุงผิวเพิ่มเติม ด้วยโลชั่นหรือเซรั่ม ที่มีความสามารถในการปกป้อง ความชุ่มชื่นในผิวสูง โดยเฉพาะสารบำรุงที่มีส่วนผสมในการช่วยยับยั้งการขยายตัวของเม็ดสีเมลานิน อย่างเช่นส่วนผสมของ Vitamin C หรือว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจำพวก Whitening ก็จะช่วยปกป้องการเกิดฝ้าและกระให้กับผิวได้ดีขึ้น โดยใช้ควบคู่กับเครื่องนวดหน้าระบบอัลตร้าโซนิค (เทคโนโลยีคลื่นเสียงความถี่สูง) และกัลวานิคไอออน (ปล่อยประจุไฟฟ้าแบบอ่อนๆ ที่อาศัยการผลักดึงของขั้วบวกและขั้วลบ) เพื่อเปิดรับการกระชับรูขุมขน สู่การผลักสารสำคัญตรงเข้าบำรุงผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก พร้อมจะกลับมาแต่งหน้าสวยได้ตามปกติ

http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php?topic=2885.0

อดนอนบ่อยๆอายุจะสั้น



อดนอนบ่อยๆอายุจะสั้น

ยิ่งถ้านอนน้อยกว่าวันละ 8ชั่วโมงแล้วล่ะก็ร่างกายจะแย่อย่างที่เราคาดไม่ถึงเลย เพราะแค่เราขาดนอนไปวันละ 2 ชั่วโมง หรือนอนแค่วันละไม่ถึง 6ชั่วโมง
แค่หนึ่งสัปดาห์ จะมีความง่วงสะสมเหมือนเราอดนอนเท่ากับ 2คืนเต็มๆเลยล่ะ คนที่อดนอนบ่อยๆอาจจะอายุสั้นกว่าฃนที่หลับเพียงพอเพราะมีฃวามเสี่ยงที่จะเป็น
โรคหัวใจขาดเลือด โรคเบาหวาน และโรคอ้วนมากกว่าคนส่วนมากจะไม่รู้สึกว่า
ตัวเองนอนไม่พอ แต่จริงๆแล้วร่างกายเราจะเพลียมากกว่าที่เราคาดไว้ ไม่ต้องตกใจ…เมื่อไหร่ที่นอนไม่พอร่างกายยังรอให้เรานอนชดเชยในวันต่อไปได้ ถ้าสัปดาห์ไหนมีงานเร่งด่วนวันหยุดสุดสัปดาห์
ก็บอกเลิกนัดทุกอย่างแล้วนอนให้เต็มที่..ชีวิตจะดีขึ้นเอง

http://goodwavefm.com/11/index.php?option=com_k2&view=item&id=1598:%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%86%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99&Itemid=108

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

About Me

ABOUT ME

ชื่อ นงนภัส นามสกุล จันทรประทับ

ชั้น ม.4/2 เลขที่ 6